คำถาม forex

18 คำถาม FOREX ที่คนชอบถาม พร้อมคำตอบ

อัปเดตล่าสุด:
post view Post views: 2,019

1. Forex คืออะไร

Forex (Foreign Exchange) หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการต่อสัปดาห์ โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตลาด Forex เปิดทำการซื้อขายครั้งแรกในปี 1971 หลังจากที่ระบบมาตรฐานทองคำล่มสลายลง ทำให้ค่าเงินของประเทศต่างๆ ลอยตัวและมีการกำหนดมูลค่าตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด

ผู้เข้าร่วมในตลาด Forex มีหลากหลายตั้งแต่ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ กองทุนการเงิน บริษัทข้ามชาติ เทรดเดอร์รายย่อย เป็นต้น โดยวัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมตลาด Forex นั้นแตกต่างกันไป เช่น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเก็งกำไร เพื่อลงทุนระยะยาว หรือเพื่อชำระหนี้

ความเสี่ยงในการเทรด Forex

การเทรด Forex นั้นมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีปัจจัยต่างๆ มากมายที่สามารถส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงินได้ เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลาง ข้อมูลเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น

ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มเทรด Forex เทรดเดอร์ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด Forex อย่างละเอียด รวมถึงควรมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินลงทุน

 

2. วิธีการเทรด Forex

การเทรด Forex นั้นทำได้โดยการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ผ่านโบรกเกอร์ Forex โดยเทรดเดอร์สามารถซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกัน โดยหวังว่ามูลค่าของสกุลเงินที่ซื้อจะเพิ่มขึ้นและมูลค่าของสกุลเงินที่ขายจะลดลง เพื่อที่จะได้กำไรจากส่วนต่าง

ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1234 หมายความว่าเทรดเดอร์กำลังซื้อ 1 ยูโรด้วย 1.1234 ดอลลาร์สหรัฐ หากในอนาคตราคา EUR/USD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.1250 หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถขาย 1 ยูโรได้ในราคา 1.1250 ดอลลาร์สหรัฐ และทำกำไรได้ 0.0016 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ยูโร

 

3. บัญชี Forex คืออะไร

บัญชี Forex คือบัญชีที่ใช้สำหรับการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ โดยเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตและควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน เมื่อเปิดบัญชีแล้ว คุณจะสามารถฝากเงินเพื่อใช้ในการซื้อขายสกุลเงินได้ โดยการซื้อขาย Forex นั้นจะอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น คุณจึงสามารถทำกำไรได้จากการซื้อขายสกุลเงินที่มูลค่าเพิ่มขึ้น หรือขาดทุนจากการซื้อขายสกุลเงินที่มูลค่าลดลง อย่างไรก็ตาม การซื้อขาย Forex นั้นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านการซื้อขายเท่านั้น

ประโยชน์ของการเปิดบัญชี Forex มีดังนี้

  • สามารถซื้อขายสกุลเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ
  • มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็วมูลค่าสูง
  • มีโอกาสทำกำไรได้สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงด้วย
  • สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

หากคุณสนใจที่จะเปิดบัญชี Forex คุณจำเป็นต้องเลือกโบรกเกอร์ที่น่าไว้วางใจและได้รับการควบคุม โดยคุณสามารถค้นหาข้อมูลเปรียบเทียบโบรกเกอร์ต่างๆ ได้ทางออนไลน์ เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว คุณจะต้องกรอกใบสมัครเปิดบัญชีและฝากเงินเพื่อเริ่มต้นการซื้อขาย

การซื้อขาย Forex เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่คุณอาจจะขาดทุนจากการซื้อขายได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการซื้อขาย Forex อย่างดีก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขายจริง

4. เลเวอเรจ Forex คืออะไร

เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มมูลค่าการซื้อขายได้โดยไม่ต้องลงทุนเงินทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายนั้นๆ โดยปกติแล้วเลเวอเรจ Forex จะอยู่ที่ 1:100 หมายความว่าหากเทรดเดอร์มีเงิน 1,000 ดอลลาร์ในบัญชีของตน พวกเขาสามารถซื้อขายได้ถึง 100,000 ดอลลาร์
เลเวอเรจ Forex สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากช่วยให้พวกเขา:
  • ซื้อขายได้ด้วยเงินทุนที่น้อยลง
  • ทำกำไรได้มากขึ้นเมื่อการซื้อขายเป็นไปในทางที่ถูกต้อง
  • ลดความเสี่ยงโดยการจำกัดการสูญเสียของตนเอง
อย่างไรก็ตามเลเวอเรจ Forex ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่อันตรายได้เช่นกัน เนื่องจากอาจทำให้เทรดเดอร์สูญเสียเงินได้มากกว่าที่ลงทุนไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์จะต้องเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเลเวอเรจ Forex ก่อนที่พวกเขาจะใช้เครื่องมือนี้
นี่คือเคล็ดลับบางประการสำหรับการใช้เลเวอเรจ Forex อย่างปลอดภัย:
  • เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจต่ำๆ เช่น 1:10 หรือ 1:20 เมื่อคุณได้รับประสบการณ์มากขึ้น คุณสามารถค่อยๆ เพิ่มเลเวอเรจของคุณ
  • อย่าเสี่ยงเกินไป อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่สามารถเสียได้
  • ใช้คำสั่งหยุดขาดทุนเสมอเพื่อจำกัดการสูญเสียของคุณ
  • อย่าไล่ราคา หากการซื้อขายเริ่มเป็นไปในทางที่ผิด อย่าพยายามกู้คืนเงินที่สูญเสียไปด้วยการซื้อขายมากขึ้น
  • ไม่โลภ กำไรเล็กน้อยก็ยังดีกว่าการขาดทุนครั้งใหญ่
หากคุณปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถลดความเสี่ยงของการสูญเสียเงินเมื่อใช้เลเวอเรจ Forex

5. มาร์จิ้น Forex คืออะไร

มาร์จิ้น Forex คือจำนวนเงินเริ่มต้นที่เทรดเดอร์ต้องมีเพื่อเปิดและถือตำแหน่งในตลาด Forex เป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารวมของการซื้อขายและใช้เป็นหลักประกันเพื่อปกป้องโบรกเกอร์จากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ต้องการเปิดตำแหน่งซื้อขนาด 100,000 หน่วยในคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยมีมูลค่ารวม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโบรกเกอร์กำหนดมาร์จิ้นไว้ที่ 1% เท่ากับว่าเทรดเดอร์จะต้องมีเงินเริ่มต้นอย่างน้อย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเปิดตำแหน่งดังกล่าว

มาร์จิ้น Forex มีข้อดีหลายประการ ได้แก่:

  • ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการซื้อขาย Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทรดเดอร์ใช้อัตราเลเวอเรจสูง
  • ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาด Forex ได้ด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยลง
  • ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดตำแหน่งได้หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม มาร์จิ้น Forex ก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน ได้แก่:

  • หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของเทรดเดอร์ อาจทำให้เทรดเดอร์สูญเสียเงินได้มากกว่าเงินทุนเริ่มต้นที่ใช้
  • หากเทรดเดอร์ใช้อัตราเลเวอเรจสูง อาจทำให้ความเสี่ยงในการสูญเสียเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก
  • หากเทรดเดอร์ไม่สามารถรักษามาร์จิ้นขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้ อาจถูกโบรกเกอร์เรียกให้เพิ่มเงินมาร์จิ้น (Margin Call) หรือถูกปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติ (Stop Loss)

ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นซื้อขาย Forex เทรดเดอร์ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาร์จิ้น Forex อย่างถ่องแท้ เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงและรักษากำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

6. สเปรด Forex คืออะไร

สเปรด (Spread) ใน Forex คือค่าความแตกต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask เป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เก็บจากเทรดเดอร์สำหรับทุกคำสั่งซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีราคา Bid ที่ 1.1185 และราคา Ask ที่ 1.1190 สเปรดก็คือ 5 pips (จุด)

สเปรด forex คืออะไร

สเปรดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูง สเปรดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

เทรดเดอร์ควรพิจารณาค่าสเปรดเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex เพราะสเปรดที่สูงสามารถส่งผลต่อผลกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

7. สวอป Forex คืออะไร

สวอป (Swap) คือ การแลกเปลี่ยนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อขายสกุลเงินเพื่อเปิดสถานะ และต้องถือสถานะข้ามคืน โดยดอกเบี้ยที่จะได้รับหรือจ่ายขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นการปรับปรุงยอดคงเหลือในบัญชีการซื้อขายของคุณโดยตรงโดยโบรกเกอร์โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ

ตัวอย่าง อธิบาย สวอป forex คืออะไร

ตัวอย่าง

คุณซื้อ EUR/USD 1 ล้านยูโรที่อัตรา 1.1000 เมื่ออัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2% และอัตราดอกเบี้ยในยุโรปอยู่ที่ 1%

หากคุณถือสถานะข้ามคืน: คุณจะได้รับ 1% จากการซื้อ EUR/USD และจ่าย 2% จากการขาย USD/EUR ดังนั้นคุณจะจ่ายสวอป 1%

หากคุณปิดสถานะในวันเดียวกัน : คุณจะไม่ต้องจ่ายสวอป

แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่ม และ  วิธีดูค่าสวอปในโปรแกรม MT4/MT5

8. ค่าเงิน Forex คืออะไร

ค่าเงิน Forex คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้วัดค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ค่าเงิน Forex หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการซื้อขายสกุลเงินหนึ่งเป็นสกุลเงินอื่นๆ ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

9. คู่สกุลเงิน Forex คืออะไร

คู่สกุลเงิน Forex คือ คู่สกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น EUR/USD หมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าจะมีการเทียบค่าระหว่างยูโร 1 ยูโรกับมูลค่าเป็นดอลลาร์สหรัฐ

คู่สกุลเงินหลักจะมีการเทรดกันมากที่สุดทั้งในตลาด Forex และตลาดอื่นๆ เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CHF, และ AUD/USD

คู่สกุลเงินรองจะมีการเทรดกันน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นที่นิยมในตลาด Forex ได้แก่ EUR/GBP, GBP/JPY, EUR/CHF, EUR/AUD,และ AUD/JPY

คู่สกุลเงิน exotic เป็นคู่สกุลเงินที่ไม่ค่อยมีการเทรดกันบ่อยนักในตลาด Forex เพราะว่าเป็นคู่สกุลเงินของประเทศเล็กๆ หรือประเทศกำลังพัฒนา เช่น EUR/TRY, USD/MXN, และ USD/ZAR

10. เวลาทำการ  Forex  เปิด / ปิด กี่โมง

ชั่วโมงการเทรด Forex คือช่วงเวลาที่ตลาด Forex เปิดทำการซื้อขาย โดยเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการต่อสัปดาห์ จากวันจันทร์ถึงวันศุกร์ การเปิดทำการซื้อขายจะเริ่มต้นจากตลาดใหญ่ในภูมิภาคหนึ่งไปยังอีกภูมิภาคหนึ่ง โดยตลาดในเอเชียจะเริ่มเปิดทำการก่อนตลาดในยุโรป จากนั้นจึงเป็นตลาดในอเมริกาเหนือ และปิดท้ายที่ตลาดในโอเชียเนีย
ดังนั้นจึงทำให้ผู้ค้าสามารถทำการซื้อขายได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าตลาดจะปิดทำการ ชั่วโมงการเทรด Forex ที่คึกคักที่สุดคือช่วงเวลาที่มีการเหลื่อมซ้อนกันของตลาดในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ตลาดในยุโรปและอเมริกาเหนือเปิดทำการพร้อมกันในช่วงเวลาเช้าของฝั่งอเมริกาเหนือช่วงเวลาแห่งความผันผวนสูงสุด จังหวะในการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายในตลาดมีความสูง

11. กลยุทธ์การเทรด Forex คืออะไร

กลยุทธ์การเทรด Forex คือชุดของกฎเกณฑ์ที่กำหนดว่าเมื่อใด ควรซื้อหรือขายสกุลเงินใด โดยกลยุทธ์เหล่านี้อาจมีพื้นฐานมาจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการรวมกันของทั้งสองอย่าง

กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ได้รับความนิยม ได้แก่:

  • การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading): กลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มในระยะยาว นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะพยายามระบุแนวโน้มของราคาและเปิดสถานะซื้อหรือขายตามแนวโน้มนั้น
  • การเทรดตามแรงกระเพื่อม (Momentum Trading): กลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปตามแรงกระเพื่อมในระยะสั้น นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะพยายามระบุแรงกระเพื่อมของราคาและเปิดสถานะซื้อหรือขายตามแรงกระเพื่อมนั้น
  • การเทรดตามการกลับตัว (Reversal Trading): กลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มในระยะยาว แต่จะมีการกลับตัวเป็นครั้งคราว นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะพยายามระบุจุดกลับตัวของราคาและเปิดสถานะซื้อหรือขายตามจุดกลับตัวนั้น
  • การเทรดตามข่าว (News Trading): กลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปตามข่าว นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะติดตามข่าวสารและเปิดสถานะซื้อหรือขายตามข่าวที่อาจมีผลกระทบต่อราคา

กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประสบการณ์ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเวลาที่สามารถใช้ในการเทรด นักเทรดควรทดลองใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อหาว่ากลยุทธ์ใดที่เหมาะกับตนเองที่สุด

 

12. อินดิเคเตอร์การเทรด Forex คืออะไร

อินดิเคเตอร์การเทรด Forex คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่นักเทรดใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต อินดิเคเตอร์เหล่านี้อาศัยข้อมูลราคาที่ผ่านมา ข้อมูลปริมาณการซื้อขาย หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างสัญญาณทางเทคนิคที่ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อินดิเคเตอร์การเทรด Forex มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีจุดมุ่งหมายและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน อินดิเคเตอร์บางประเภท เช่น Stochastic Oscillator และ Bollinger Bands ใช้เพื่อวัดโมเมนตัมของราคา ในขณะที่อินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น Moving Average และ Fibonacci retracement ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา

อินดิเคเตอร์การเทรด Forex ไม่ได้ให้สัญญาณที่สมบูรณ์แบบเสมอไป และไม่สามารถรับประกันผลกำไรได้ แต่สามารถช่วยให้นักเทรดวิเคราะห์ข้อมูลตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

อินดิเคเตอร์การเทรด Forex ที่นิยมใช้ ได้แก่:

  • Moving Average (MA): เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อแสดงแนวโน้มราคาโดยเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด
  • Bollinger Bands: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อแสดงขอบเขตของความผันผวนของราคา
  • Relative Strength Index (RSI): เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อวัดโมเมนตัมของราคา
  • Stochastic Oscillator: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อวัดโมเมนตัมของราคาและระบุภาวะซื้อเกินหรือขายเกิน
  • Fibonacci retracement: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น

นักเทรด Forex ควรเลือกใช้อินดิเคเตอร์การเทรดที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของตนเอง และไม่ควรพึ่งพาอินดิเคเตอร์เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อขาย

 

13. การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex คืออะไร

การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex คือการศึกษาพฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน ช่องทางแนวโน้ม แนวรับแนวต้าน และตัวชี้วัดทางเทคนิค โดยเป้าหมายของการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการระบุจุดเข้าและจุดออกของการซื้อขายที่เหมาะสมเพื่อทำกำไร
วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1. การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis): เป็นการวิเคราะห์ทิศทางของราคาในปัจจุบันและคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในทิศทางใดต่อไป โดยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน ช่องทางแนวโน้ม และแนวรับแนวต้าน
2. การวิเคราะห์รูปแบบราคา (Price Pattern Analysis): เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อระบุรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นสัญญาณในการคาดการณ์ราคาในอนาคต โดยรูปแบบราคาที่นิยมใช้ ได้แก่ รูปแบบธง รูปแบบถ้วยและหูจับ และรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่
การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ในการคาดการณ์ทิศทางราคาและทำกำไรจากการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ใช่เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบและไม่สามารถรับประกันผลกำไรได้ ดังนั้น เทรดเดอร์ควรใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคควบคู่ไปกับวิธีการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น การวิเคราะห์พื้นฐาน และการจัดการความเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการขาดทุน

14. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex คืออะไร

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex คือการวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาด Forex โดยใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด Forex นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะศึกษาข้อมูลต่างๆ เช่น
– ข้อมูลเศรษฐกิจ: อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย การว่างงาน การเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
– ข้อมูลการเมือง: การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นต้น
– ข่าว: เหตการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เช่น ภัยพิบัติ สงคราม ภาวะวิกฤต เป็นต้น
– การพัฒนาทางเทคโนโลยี: ได้แก่ การพัฒนาแผนการ และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและบทบาทของสกุลเงินได้
– สภาพแวดล้อมทางการเมือง: ได้แก่ การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สงคราม และการเจรจาทางการทูต ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าของสกุลเงิน

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้มีผลต่อค่าเงินของประเทศ และสามารถใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด Forex ได้

 

15. ความเสี่ยงในการเทรด Forex คืออะไร

มีทั้งหมด 5 ข้อได้แก่:

1. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่อมูลค่าของสกุลเงินที่คุณเทรดเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อคู่สกุลเงิน GBP/USD และค่าของปอนด์สเตอร์ลิงลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ คุณก็จะขาดทุน
2. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศที่สกุลเงินที่คุณเทรดอยู่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD และธนาคารกลางยุโรปขึ้นอัตราดอกเบี้ย มูลค่าของยูโรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และคุณก็จะได้กำไร
3. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณไม่สามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้ในเวลาที่ต้องการด้วยราคาที่ยุติธรรม ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการขายคู่สกุลเงิน USD/JPY แต่ไม่มีผู้ซื้อที่ยินดีจ่ายราคาที่คุณต้องการ คุณก็อาจต้องขาดทุนเพื่อขายสินทรัพย์
4. ความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่อปัจจัยทางการเมืองหรือเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์ที่คุณเทรด ตัวอย่างเช่น หากเกิดสงครามในประเทศที่สกุลเงินที่คุณเทรดอยู่ มูลค่าของสกุลเงินนั้นอาจลดลงอย่างมาก และคุณก็อาจขาดทุน
5. ความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณทำผิดพลาดในการเทรด เช่น การซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่ผิด การกำหนดคำสั่งหยุดการขาดทุน (stop-loss order) ต่ำเกินไป หรือการถือสินทรัพย์ไว้เป็นเวลานานเกินไป ความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เทรดเดอร์ขาดทุน

16. การบริหารความเสี่ยง Forex คืออะไร

การบริหารความเสี่ยง Forex คือกระบวนการวางแผนและดำเนินการเพื่อลดหรือกำจัดความเสี่ยงต่างๆ ที่พบในการลงทุนในตลาด Forex โดยทั่วไปแล้ว การบริหารความเสี่ยงจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนเงินที่ลงทุน สกุลเงินที่ลงทุน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (leverage) จุดหยุดขาดทุน (stop loss) และระยะเวลาการลงทุน เป็นต้น
เทคนิคในการบริหารความเสี่ยง Forex มีหลายวิธี เช่น
  • จุดหยุดขาดทุน (stop loss): จุดหยุดขาดทุนเป็นคำสั่งซื้อขายที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อจำกัดการขาดทุน โดยเมื่อราคาตกลงถึงจุดหยุดขาดทุน คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ
  • อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (leverage): อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหมายถึงอัตราส่วนระหว่างเงินกู้ยืมที่นักลงทุนใช้ในการเทรดกับเงินของนักลงทุนเอง ยิ่งอัตราส่วนนี้สูงเท่าใด ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
  • การกระจายพอร์ตการลงทุน: การกระจายพอร์ตการลงทุนหมายถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว สินทรัพย์ต่างๆ ที่มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต่างกันควรได้รับการรวมไว้ในพอร์ตการลงทุน
  • การจัดการเงิน: การจัดการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการลงทุนในตลาด Forex โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนควรลงทุนด้วยเงินเย็นที่ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายในระยะเวลาอันใกล้ และไม่ควรถุ่มเงินทั้งหมดลงทุนในครั้งเดียว
  • การเรียนรู้และติดตามข่าวสาร: การเรียนรู้และติดตามข่าวสารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการลงทุนในตลาด Forex โดยนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานของสกุลเงินต่างๆ รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน เพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการลงทุนในตลาด Forex โดยนักลงทุนควรมีการวางแผนและดำเนินการด้านการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

 

17. โบรกเกอร์ Forex คืออะไร

 

โบรกเกอร์ Forex เป็นบริษัทที่ช่วยให้นักเทรดแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้ โบรกเกอร์ Forex จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักเทรดกับตลาด Forex ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โบรกเกอร์ Forex จะหานักเทรดรายอื่นที่ต้องการทำการซื้อขายสกุลเงินตรงข้ามกับนักเทรด และจะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม

โบรกเกอร์ Forex ทำเงินโดยการเรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากการทำธุรกรรมของนักเทรด ค่าคอมมิชชันนี้อาจเป็นแบบคงที่หรือแบบแปรผันขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ Forex ยังอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมบัญชี ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน และค่าธรรมเนียมความไม่ใช้งาน

นักเทรดควรเลือกโบรกเกอร์ Forex อย่างรอบคอบโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าคอมมิชชัน ค่าธรรมเนียมอื่นๆ แพลตฟอร์มการซื้อขาย และการบริการลูกค้า

โบรกเกอร์ Forex มีบทบาทสำคัญในตลาด Forex เนื่องจากอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมการซื้อขายสกุลเงินให้กับนักเทรด โบรกเกอร์ Forex ที่ดีจะช่วยให้นักเทรดสามารถทำการซื้อขายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

 

18. แพลตฟอร์มการเทรด Forex คืออะไร

แพลตฟอร์มการเทรด Forex เป็นซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์ที่ให้บริการแก่นักเทรดในการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เนื่องจากตลาด Forex เปิดทำการตลอดเวลาดังกล่าว จึงเป็นเวทีสำหรับนักเทรดในการเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน Forex เป็นตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีความคล่องตัวสูงสุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน

แพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่นิยมใช้กัน ได้แก่:

  • MetaTrader 4 (MT4) เป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การซื้อขายอัตโนมัติ และการคัดลอกสัญญาณ
  • MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex รุ่นใหม่ที่พัฒนาจาก MT4 MT5 มีฟีเจอร์ที่หลากหลายกว่า MT4 เช่น การซื้อขายหุ้นและสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ล้ำหน้ากว่า และการซื้อขายอัตโนมัติที่ซับซ้อนกว่า
  • cTrader เป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ที่ต้องการการดำเนินการที่รวดเร็วและแม่นยำ cTrader มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การซื้อขายอัตโนมัติ และการคัดลอกสัญญาณ
  • TradingView เป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่มีฟีเจอร์การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลาย TradingView มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีชาร์ตที่ปรับแต่งได้สูง ซึ่งทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด

ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มการเทรด Forex จะมีเครื่องมือและฟังก์ชันต่างๆ มากมายที่ช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ราคาและทำการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

  • กราฟราคาแบบเรียลไทม์
  • เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • ข่าวและข้อมูลเศรษฐกิจ
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ
  • การแจ้งเตือนราคา
  • เครื่องมือสร้างกลยุทธ์การเทรด
  • บัญชีทดลองสำหรับฝึกฝนก่อนลงทุนจริง
  • การสนับสนุนลูกค้า 24/7